แสดงทั้งหมด 12 ผลลัพท์


สเก็ตบอร์ดไฟฟ้า ราคาถูก คุณภาพดี ตรงใจคุณ มีเทคนิคเลือกซื้ออย่างไร

จากปัญหามลพิษทางอากาศทั่วโลกทำให้มีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามาทดแทนการใช้พลังงานจากน้ำมัน ซึ่งปัจจุบันกำลังเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การใช้สเก็ตบอร์ดไฟฟ้า (Electric Skateboard) เพื่อเดินทางในระยะใกล้และเพื่อกิจกรรมสันทนาการได้รับความนิยมตามกระแสเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน สเก็ตบอร์ดประเภทนี้หลักการทำงานจะเหมือนทั่วๆไปจะแตกต่างกันแค่ระบบช่วงล่างที่ใช้มอเตอร์ที่มีแหล่งจ่ายไฟมาจากชุดแบตเตอรี่เป็นตัวขับเคลื่อนโดยมีรีโมทคอนโทรลเป็นตัวควบคุมระดับความเร็ว

สเก็ตบอร์ดไฟฟ้า ราคาถูก

สำหรับมือใหม่หรือผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านนี้เลยอาจเกิดความสงสัยว่าจะเลือกซื้อสเก็ตบอร์ดไฟฟ้าจากที่ไหน รุ่นและยี่ห้อไหนดีที่ได้คุณภาพ สเปคตรงความต้องการและราคาถูกใจตามงบประมาณที่คิดเอาไว้  จริงๆแล้วอยากบอกว่าการเลือกนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด โดยข้อสำคัญอันดับแรกที่ต้องคำนึงถึงเลยก็คือความต้องการของตัวเราเองว่าจะซื้อมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์อะไรเช่นใช้สำหรับเดินทางท่องเที่ยวหรือเพื่อกิจกรรมสันทนาการ

ซึ่งจุดนี้ถือว่ามีความสำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้เพราะถ้าเราสามารถกำหนดวัตถุประสงค์ได้ชัดเจนตั้งแต่แรกก็จะทำให้เงินที่จ่ายไปคุ้มค่ากับประโยชน์ที่ได้รับ ดังนั้นเมื่อเรารู้ความต้องการเริ่มต้นตรงจุดนี้แล้วปัจจัยในการตัดสินใจส่วนที่เหลือก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปเพราะเราสามารถเลือกสเปคต่างๆให้เหมาะสมตรงตามวัตถุประสงค์ในการใช้งานของเราได้

อีกทั้งในปัจจุบันมีผู้ผลิต E-Skateboard ออกมาจำหน่ายในตลาดหลายรายทั้งโรงงานผลิตจากทางประเทศจีนและทางฝั่งยุโรป มีการแข่งขันกันพัฒนาเทคโนโลยี คุณภาพ และราคาหลายระดับตั้งแต่  3,000 กว่าบาทไปจนถึงหลักแสน ดังนั้นจึงเป็นผลดีกับผู้บริโภคทำให้มีตัวเลือกสินค้าที่หลากหลายและมีคุณภาพ

อย่างไรก็ดีเรามีความตั้งใจที่จะนำเสนอข้อมูลทางเทคนิคต่างๆที่จำเป็นเพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อโดยขอเจาะประเด็นเป็นข้อๆเพื่อง่ายต่อการทำความเข้าใจในแต่ละจุดได้ครอบคลุมมากที่สุด ซึ่งถ้าหากจะพูดถึงวัตถุประสงค์ของการใช้งาน E-Skateboard โดยทั่วไปแล้วก็สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มหลักๆคือ 

1) สำหรับใช้ในการเดินทางทั่วไป

ปัจจุบันการเดินทางด้วยสเก็ตบอร์ดไฟฟ้าในระยะทางสั้นๆประมาณ 4-5 กิโลเมตร เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เหตุผลหลักๆน่าจะมาจากความสะดวกและคล่องตัวช่วยหลีกเลี่ยงปัญหารถติด ไม่ต้องกังวลกับการหาที่จอดรถอีกทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

สเก็ตบอร์ดไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี

ถือเป็นวิธีช่วยย่อยระยะทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาจใช้ร่วมกับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวหรือรถโดยสารประจำทางได้เป็นอย่างดี หรือบางคนที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวข้ามจังหวัดไกลๆก็อาจใช้ประโยชน์จากสเก็ตบอร์ดในการเดินทางที่มีระยะทางมากกว่า 10 กิโลเมตรขึ้นไป สำหรับ E-Skateboard ที่เหมาะนำมาใช้ในการเดินทางควรมีคุณสมบัติดังนี้

  • น้ำหนักเบาพกพาได้สะดวก ถือเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปธุระในชีวิตประจำวันหรือการท่องเที่ยวต่างจังหวัดที่ต้องโดยสารเครื่องบินหรือรถประจำทาง เพราะคงไม่มีใครอยากแบกสเก็ตบอร์ดหนักๆให้เป็นภาระระหว่างการเดินทางแน่ๆ การใช้กระเป๋าสะพายหลังในการเดินทางก็ถือว่าสะดวกและคล่องตัวดีไม่น้อย เพื่อให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อควรทดลองถือหรือสะพายหลังเพื่อวัดน้ำหนักดูก่อนว่าสามารถพกพาเดินทางได้อย่างคล่องตัวหรือไม่
  • แบตเตอรี่ต้องมีความอึด ยิ่งแบตมีความจุของกระแสไฟสูงมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งส่งผลต่อความเร็วและระยะการเดินทางที่ไกลมากขึ้นเท่านั้น แต่ทั้งนี้น้ำหนักตัวของผู้ขับขี่แต่ละคนก็มีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงานของแบตเตอรี่ด้วย กล่าวคือยิ่งน้ำหนักตัวของผู้ขับขี่มากขึ้นเท่าไหร่ ซึ่งหมายถึงแรงเสียดทานที่มากขึ้น แบตเตอรี่ก็จะสามารถทำความเร็วและระยะทางได้ลดลง
  • ความเร็วระดับปานกลาง ด้วยสภาพเส้นทางส่วนใหญ่ในตัวเมืองที่เป็นทางเท้าและถนนซึ่งลักษณะพื้นผิวอาจไม่มีความเรียบ 100% และปกติสเก็ตบอร์ดไฟฟ้าก็ถูกใช้ในการเดินทางระยะสั้นเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นความเร็วที่เหมาะสมต้องอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้นเพื่อความปลอดภัย

2) สำหรับเส้นทางออฟโรด

สำหรับบางคนที่ชื่นชอบกิจกรรมแอดเวนเจอร์แนวท่องเที่ยวธรรมชาติตามป่าเขาซึ่งสภาพพื้นผิวจะเป็นทางลูกรังไม่ราบเรียบ เป็นหลุมเป็นบ่อ และเป็นทางชัน สเก็ตบอร์ดไฟฟ้า ออฟโรด ถือเป็นรุ่นที่ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีเพราะถูกออกแบบมาให้มีความถึกอึด ทนน้ำทนฝน ลุยได้เกือบทุกสภาพเส้นทาง สำหรับลักษณะที่โดดเด่นของ E-Skateboard ชนิดนี้คือ

  • ช่วงล่างจะมีโช๊คเป็นตัวช่วยซับแรงกระแทก เนื่องจากสเก็ตบอร์ดประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อวิ่งบนทางขรุขระไม่เรียบซึ่งทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนตลอดเวลา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีระบบโช๊คมาช่วยซับแรงกระแทกเหมือนกับที่ใช้ในรถยนต์
  • มีตัวล็อคเท้าช่วยป้องกันไม่ให้ตัวหลุดออกจากบอร์ด ด้วยพื้นผิวของเส้นทางที่ไม่เรียบเป็นหลุมเป็นบ่อทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนหรือแรงกระแทกอยู่ตลอดเวลา ทำให้มีโอกาสสูงที่ผู้ขับขี่อาจหลุดจากบอร์ดได้ ดังนั้นตัวล็อคเท้าจึงถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก
  • ล้อยางขนาดใหญ่แบบเติมลม ดอกยางมีหนาม ช่วยยึดเกาะพื้นผิวที่เป็นทางลูกรังหรือพื้นดินได้เป็นอย่างดี และยางจะมีหน้ากว้างเป็นพิเศษเพื่อช่วยกระจายน้ำหนักไม่ให้สเก็ตบอร์ดติดหล่ม
  • แบตเตอรี่ต้องมีความอึดสูง เนื่องจาก E-Skateboard ประเภทนี้ต้องใช้กำลังไฟในการขับเคลื่อนมอเตอร์ค่อนข้างสูง ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการใช้ล้อยางใหญ่ชนิด All-Terrain (A/T) ทำให้เกิดแรงเสียดทานที่สูงกว่า แต่ทั้งนี้น้ำหนักตัวของผู้ขับขี่ก็ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของแบตเตอรี่ด้วยเช่นกัน

สเก็ตบอร์ดไฟฟ้า ออฟโรด

เมื่อทราบวัตถุประสงค์ประสงค์ที่ชัดเจนแล้วว่าต้องการซื้อมาใช้งานแบบไหน เรามาดูกันดีกว่าว่าสเก็ตบอร์ดไฟฟ้าประกอบด้วยชิ้นส่วนอุปกรณ์อะไหล่อะไรบ้าง เพื่อให้เราได้ทำความเข้าใจแบบเจาะลึกลงไปในแต่ละชิ้นส่วนและใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาเลือกซื้อได้ตรงความต้องการของเรามากที่สุด

สิ่งที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อสเก็ตบอร์ดไฟฟ้านอกเหนือจากราคาและงบประมาณ

1) มอเตอร์และระบบขับเคลื่อน

ถ้าจะพูดว่ามอเตอร์เป็นชิ้นส่วนสำคัญที่สุดของ E-Skateboard ก็ไม่ผิดอะไร เพราะเป็นส่วนที่ทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนให้กับสเก็ตบอร์ด การทำงานของมอเตอร์จะใช้กระแสไฟจากแบตเตอรี่เป็นแหล่งพลังงานในการขับเคลื่อน โดยมอเตอร์ที่นิยมใช้กับสเก็ตบอร์ดไฟฟ้าจะมีอยู่ 2 ประเภท คือ

  • มอเตอร์ระบบสายพาน เป็นระบบที่ใช้กันมาระยะนึงแล้ว ถือว่าเป็นระบบที่ทรงพลังมากที่สุดก็ว่าได้เนื่องจากทำให้เกิดแรงเสียดทานสูง สามารถทำความเร็วได้สูงที่สุดถ้าเทียบกับอีกระบบแต่ก็ต้องแลกมากับเสียงที่ดังมากเช่นกัน หลักการทำงานก็คือตัวมอเตอร์ซึ่งมีการขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ โดยระบบเกียร์นี้จะเชื่อมต่อเข้ากับสายพานและเฟืองที่ติดตั้งอยู่ตรงล้อสเก็ตบอร์ด เมื่อเรากดคันเร่งบนรีโมทพลังงานไฟฟ้าจะถูกดึงจากแบตเตอรี่ไปยัง ESC (ตัวควบคุมความเร็วอิเล็กทรอนิกส์) ก่อนเข้าสู่ตัวมอเตอร์ และเมื่อมอเตอร์หมุนสายพานที่เชื่อมต่ออยู่ก็จะหมุนตามเพื่อขับเคลื่อนล้อ ข้อดีของระบบสายพานที่เห็นได้ชัดเลยก็คือสามารถปรับแต่งทดอัตราการหมุนของมอเตอร์ได้ทำให้เราปรับจูนอัตราความเร็วในการขับเคลื่อนได้อย่างเหมาะสม

สเก็ตบอร์ดไฟฟ้า ล้อใหญ่

 

  • มอเตอร์ระบบฮับหรือดุมล้อ เป็นระบบที่พัฒนาขึ้นภายหลังระบบสายพานแต่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเนื่องจากค่อนข้างมีความเสถียรและมีเสียงที่เงียบกว่า ชิ้นส่วนน้อย ระบบไม่ซับซ้อน ทำให้สะดวกและง่ายต่อการซ่อมบำรุง นอกจากนี้ยังทำให้ตัวบอร์ดมีขนาดเล็กกระทัดรัดกว่าด้วย และที่สำคัญคือทำให้สเก็ตบอร์ดไฟฟ้ามีราคาที่ถูกกว่า แต่มีข้อเสียคือตัวมอเตอร์จะให้แรงบิดและกำลังน้อยกว่า อีกทั้งปรับแต่งได้น้อยกว่าด้วย นอกจากนี้ยังไม่สามารถเปลี่ยนล้อชนิดต่างๆสลับไปมาได้เหมือนระบบสายพาน สำหรับหลักการทำงานของระบบฮับมอเตอร์นั้น ชิ้นส่วนประกอบทั้งหมดจะถูกติดตั้งอยู่ภายในล้อ หรือให้คิดง่ายๆก็คือมอเตอร์ที่มีล้อหุ้มอยู่ภายนอกนั่นเอง เมื่อเรากดรีโมทชุดล้อจะถูกสั่งให้หมุนทันที แทนที่จะสั่งให้มอเตอร์หมุนเกียร์ สายพาน และล้อ เหมือนของระบบสายพาน ซึ่งถือว่ามีขั้นตอนการทำงานที่ง่ายกว่ามาก สำหรับอัตราการหมุนของมอเตอร์ในระบบฮับนั้นจะเป็น 1:1 (อัตราการหมุนของมอเตอร์ = อัตราการหมุนของล้อ) ก็คือมอเตอร์และล้อหมุนไปพร้อมกันนั่นเอง

สเก็ตบอร์ดไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี

 

มอเตอร์สเก็ตบอร์ดไฟฟ้า

จากประสบการณ์การใช้งานจริงระหว่างสเก็ตบอร์ดไฟฟ้าที่ใช้มอเตอร์ระบบฮับหรือดุมล้อและระบบสายพาน พบข้อสังเกตุที่น่าสนใจดังนี้

อัตราเร่ง : จากการทดสอบบอร์ดที่ใช้มอเตอร์สายพานให้อัตราเร่งที่ดีกว่าระบบฮับมากเลยทีเดียว สำหรับผู้ขับขี่บางคนอาจไม่ได้ต้องการบอร์ดที่มีอัตราเร่งหรือความสามารถในการทำความเร็วได้มากขนาดนั้น ส่วนใหญ่ต้องการอัตราความเร็วที่นุ่มนวลและมีความคงที่เพื่อเป็นการเซฟตี้ไม่ให้ตัวหลุดออกจากบอร์ด การที่มอเตอร์สายพานทำอัตราเร่งได้ดีกว่าอย่างชัดเจนเนื่องจากมีระบบเกียร์ ทำให้ค่อนข้างอันตรายขึ้นนิดหน่อย สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเร็วควรสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันด้วยเสมอ

เบรค : ปกติการเบรคของสเก็ตบอร์ดไฟฟ้าจะเป็นลักษณะของการชะลอความเร็วลง แต่ทั้งนี้ประสิทธิภาพของการเบรคจะขึ้นอยู่กับประเภทมอเตอร์และโหมดความเร็วที่ใช้ด้วย สำหรับบอร์ดที่ใช้มอเตอร์สายพานในโหมด Sport การเบรคจะตอบสนองได้ไวมาก หากไม่เข้าใจเทคนิคการเบรคที่ถูกต้องก็อาจทำให้เกิดการลื่นไถลได้ ส่วนบอร์ดที่ใช้มอเตอร์ระบบฮับนั้นเบรคจะมีการตอบสนองที่นุ่มนวลและมีโอกาสลื่นไถลได้น้อยกว่า สรุปคือระบบมอเตอร์สายพานที่ทำงานร่วมกับเกียร์จะเบรคได้แรงกว่ามาก เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน บางคนชอบเบรกที่ตอบสนองได้ไวเพื่อความมั่นใจเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่จำเป็นต้องเบรคในระยะสั้นๆ เช่น รถยนต์ตัดหน้า แต่ทั้งนี้ก็ควรต้องฝึกเทคนิคการเบรคที่ถูกวิธีด้วยเพื่อไม่ให้เกิดการลื่นไถล

สเก็ตบอร์ดไฟฟ้า

แรงบิด/ความสามารถในการขึ้นทางชัน : เนื่องจากบอร์ดที่ใช้มอเตอร์ระบบสายพานมีเกียร์จึงทำให้มีแรงบิดสูงกว่า สามารถขึ้นทางชันได้ดีกว่าระบบฮับ แต่ในอนาคตก็อาจมีการพัฒนาเทคโนโลยีของมอเตอร์ระบบฮับให้เทียบเท่าหรือดีกว่าก็เป็นไปได้

การปรับเปลี่ยนล้อ/ความสะดวกสบายในการขับขี่ : ระบบสายพานจะมีข้อได้เปรียบในการเปลี่ยนล้อได้ง่ายกว่าระบบฮับมาก ส่วนในเรื่องความสะดวกสบายในการขับขี่ทั้งสองระบบไม่สังเกตเห็นความแตกต่างมากนัก

เสียงรบกวน : ด้วยมอเตอร์ระบบสายพานลักษณะการติดตั้งเข้ากับบอร์ดจะอยู่ด้านนอกจึงส่งผลต่อน้ำหนักและขนาดโดยรวมของบอร์ดที่มากกว่า สำหรับระบบฮับนั้นตัวมอเตอร์จะฝังอยู่ในล้อทำให้เสียงเบากว่า อีกทั้งยังทำให้มีดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวกว่าเล็กน้อย

การซ่อมบำรุง : โดยรวมแล้วบอร์ดที่ใช้มอเตอร์ระบบสายพานจะต้องการการดูแลบำรุงรักษาที่มากกว่าระบบฮับเล็กน้อย ข้อดีของระบบสายพานก็คือถ้าหากมีชิ้นส่วนของชุดขับเคลื่อนตัวไหนชำรุดหรือแตกหักเราสามารถเปลี่ยนชิ้นส่วนนั้นๆแบบแยกชิ้นได้ ต่างจากระบบฮับที่อาจต้องมีการเปลี่ยนทั้งระบบ แต่ถ้ามองในเรื่องการปกป้องของระบบนั้นระบบฮับจะมีโครงสร้างการปกป้องที่ดีกว่าเนื่องจากส่วนสำคัญของระบบขับเคลื่อนทั้งหมดจะถูกฝังอยู่ภายในล้อ ซึ่งแตกต่างจากแบบสายพานที่ระบบขับเคลื่อนทั้งหมดไม่ได้ถูกห่อหุ้มหรือป้องกันจากฝุ่นละออง น้ำ หรือสิ่งสกปรกอื่นๆ มีข้อสังเกตุสำหรับมอเตอร์แบบสายพานในเรื่องการบำรุงรักษาที่พบเจอค่อนข้างบ่อยคือระดับความตึงของตัวสายพาน ที่พบกันบ่อยๆก็คือสกรูของมอเตอร์คลายทำให้สายพานหย่อนคล้อยส่งผลทำให้เกิดเสียงรบกวนและประสิทธิภาพการทำงานลดลง

ประสิทธิภาพ : โดยรวมแล้วมอเตอร์ระบบฮับให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าระบบสายพานด้วยเหตุผลคือตัวมอเตอร์ระบบฮับจะมีการหมุนในอัตราส่วน 1:1 (มอเตอร์และล้อหมุนพร้อมกัน) ทำให้สามารถทำการไถด้วยเท้าแบบไม่ต้องใช้ระบบขับเคลื่อนของมอเตอร์ก็ได้ การที่แรงเสียดทานและแรงบิดที่น้อยลงนั้นหมายถึงอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นด้วย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของผู้ขับขี่และสภาพอากาศด้วยเช่นกัน กล่าวคือถ้าหากให้ผู้ขับขี่คนเดียวกันเป็นผู้ขับเคลื่อนบอร์ดที่ใช้มอเตอร์ทั้งสองระบบนี้ บอร์ดที่ใช้ระบบฮับจะมีอายุการของแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่า

เซิร์ฟ สเก็ตบอร์ดไฟฟ้า

2) แบตเตอรี่

ก่อนอื่นเลยเราต้องรู้อย่างชัดเจนว่าต้องการใช้สเก็ตบอร์ดไฟฟ้าเพื่อวัตถุประสงค์อะไร เช่นความต้องการขนาดของแบตเตอรี่สำหรับการเดินทางไกลหรือท่องเที่ยวจะแตกต่างจากการเล่นสเก็ตบอร์ดไฟฟ้าเพื่อสันทนาการตามสวนสาธาณะใกล้ๆบ้านอย่างแน่นอน ก่อนที่จะไปเรียนรู้รายละเอียดที่สำคัญของระบบแบตเตอรี่ที่ใช้ใน E-Skateboard อยากให้เราทำความเข้าใจคุณสมบัติของแบตเตอรี่ที่จำเป็นต้องมีเพื่อให้สเก็ตบอร์ดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งจะประกอบไปด้วย 3 เรื่องหลักๆคือ

  • ต้องมีแรงดันไฟที่เหมาะสม : การที่แบตเตอรี่มีแรงดันไฟที่เหมาะสมนั้นจะส่งผลต่ออัตราเร่งหรือความสามารถในการทำความเร็วที่มากขึ้น
  • ขนาดความจุที่เหมาะสม : แบตเตอรี่ที่มีความจุมากจะช่วยให้สเก็ตบอร์ดสามารถเดินทางได้ไกลมากยิ่งขึ้น
  • ความสามารถในการคายประจุ : ถ้าหากแบตเตอรี่ไม่มีคุณสมบัติการคายประจุที่สูงพอ สเก็ตบอร์ดก็ไม่สามารถเคลื่อนที่ไปได้

ปัจจุบันสเก็ตบอร์ดไฟฟ้านิยมใช้แบตเตอรี่กันอยู่ 2 ประเภทคือ

ลิเธียมไอออน - Lithium ion (Li-ion) : ข้อดีของแบตเตอรี่ประเภทนี้คือมีความปลอดภัย อายุการใช้งานที่ยาวนาน นอกจากนี้ยังมีระบบ BMS ในตัวสำหรับจัดการเซลส์ เป็นแบตเตอรี่ที่นิยมใช้กันมากที่สุดเนื่องจากมีความเสถียร แต่ข้อเสียคือเป็นแบตเตอรี่สเก็ตบอร์ดไฟฟ้าที่ราคาแพงกว่า
*BMS (Battery Management System) คือ ระบบที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบสถานะของแบตเตอรี่แต่ละเซลส์ ช่วยปรับสมดุลของประจุ และควบคุมความปลอดภัย ช่วยยืดอายุการใช้งานและทำให้แบตเตอรี่ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

ลิเธียมไอออน

ลิเธียมโพลิเมอร์ - Lithium Polymer (Li-Po) : ข้อดีคือเป็นแบตเตอรี่สเก็ตบอร์ดไฟฟ้าที่ราคาถูกกว่า มีอัตราเร่งและการคายประจุที่ดีกว่า แต่จะไม่มีระบบ BMS ในตัวเหมือน Li-ion ต้องใช้เครื่องชาร์จแบตภายนอกที่มีระบบ BMS ในตัว อีกทั้งต้องใช้งานให้ถูกวิธีเพราะแบตประเภทนี้สามารถลุกไหม้และระเบิดได้ถ้าหากมีการใช้งานไม่เหมาะสม

ลิเธียมโพลิเมอร์

การเลือกแบตเตอรี่ให้เหมาะสมนั้นจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของผู้ใช้งานว่าต้องการใช้สเก็ตบอร์ดไฟฟ้าเพื่อจุดประสงค์อะไร สำหรับผู้ที่ใช้สเก็ตบอร์ดในการเดินทางก็ควรเลือกแบตที่มีความจุสูงเพื่อให้วิ่งได้ระยะทางที่ไกลขึ้นและใช้งานได้นานๆ โดยทั่วไปแบตเตอรี่ที่มีความจุ 5 Ah จะใช้เดินทางได้ประมาณ 9 กม. และแบตเตอรี่ความจุ 10 Ah จะใช้เดินทางได้ประมาณ 29 กม. แต่ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของผู้ขับขี่ด้วย กล่าวคือถ้าน้ำหนักตัวมากขึ้นก็จะทำให้แบตเตอรี่ใช้กระแสไฟมากขึ้นตามไปด้วยส่งผลให้สเก็ตบอร์ดเดินทางได้ระยะทางที่สั้นลง

3) ขนาด รูปแบบ และลวดลายของบอร์ด (Deck)

แผ่นบอร์ด (Deck) ถือว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญอีกส่วนหนึ่งเนื่องจากส่งผลโดยตรงกับความถนัด ความชอบส่วนตัว และความสะดวกสบายในการยืนของผู้ขับขี่ ดังนั้นควรเลือกให้สัมพันธ์กับสรีระร่างกายของตนเอง โดยหลักเกณฑ์หลักๆที่เราใช้พิจารณาเลือกแผ่นบอร์ดจะมี 3 ข้อ คือ

  • ระยะห่างระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง (Wheelbase)
    ข้อนี้ถือว่าเป็นข้อที่สำคัญที่สุดในการเลือกบอร์ดเลยก็ว่าได้ เพราะทำให้เราเลือกแผ่นได้เหมาะกับช่วงขาของเราซึ่งจะส่งผลมากต่อการขับขี่ในระยะยาวเลยทีเดียว สำหรับการวัดระยะห่างระหว่างเท้าเพื่อให้ทราบ Wheelbase ที่เหมาะสมนั้นมีหลักการง่ายๆดังนี้

    ขั้นตอนที่ 1 : กางขาทั้งสองข้างออกให้เท้าตรงเป็นแนวพอดีกับช่วงไหล่ (ดูภาพประกอบ)

    ขั้นตอนที่ 2 : นำตลับเมตรมาวัดระยะห่างระหว่างเท้าทั้งสองข้าง โดยทำการวัดจากขอบเท้าด้านใน ก็จะได้ระยะห่างหรือ Wheelbase ที่เหมาะสมนั่นเอง (ดูภาพประกอบ)

    ขั้นตอนที่ 3 : นำตัวเลขที่วัดได้จากขั้นตอนที่ 2 ไปเป็นข้อมูลประกอบการเลือกซื้อแผ่น สำหรับวิธีการวัด Wheelbase บนแผ่นบอร์ดเราจะวัดระหว่างน็อตแถวในของทรัคหน้าและหลัง (ดูภาพประกอบ)

Wheelbase

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งวิธีในการหา Wheelbase ที่เหมาะสมนั่นก็คือการเทียบจากส่วนสูง โดยสามารถดูตัวเลขได้ตามตารางนี้
Wheelbaseอ้างอิงจาก : carvingsocialclub.com

  • ความยาวบอร์ด
    จริงๆแล้วขนาดความยาวของบอร์ดถือว่าเป็นจุดที่มีความสำคัญรองจาก Wheelbase เพื่อให้ง่ายต่อการเลือกซื้อเราสามารถใช้หลักเกณฑ์ตามตารางนี้ในการเทียบส่วนสูงและน้ำหนักกับขนาดความยาวแผ่นที่เหมาะกับตัวเราได้ สำหรับวิธีการวัดความยาวของบอร์ดเราจะวัดจากหัวแผ่นไปจนถึงหางแผ่น (ดูภาพประกอบ) 

deck

Deck Length

อ้างอิงจาก : carvingsocialclub.com