เซิร์ฟสเก็ตบอร์ด คุณภาพดี ราคาถูกใจคุณ
ถ้าคุณกำลังมองหาเซิฟสเก็ตดีๆซักตัวแต่อยากได้คำแนะนำดีๆในการเลือกซื้อให้เหมาะสมกับสไตล์การเล่นของตัวเองมากที่สุดและคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป ลองมาคุยกับเราสิคะ
เรายินดีให้ข้อมูลและข้อเสนอดีๆเพื่อการตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ถ้าคุณยังไม่รู้ว่าจะซื้อ เซิฟสเกตที่ไหนหรือซื้อยี่ห้อและรุ่นไหนดี
เราเป็นร้านออนไลน์ที่จำหน่ายเซิร์ฟสเก็ตบอร์ดเกือบทุกยี่ห้อมีลวดลายสีสันให้เลือกกันอย่างจุใจในราคาที่ถูกใจคุณอย่างแน่นอนไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมือสอง มีให้เลือกกันตั้งแต่ราคาเริ่มต้นไม่เกิน 2,000 บาท ไปจนถึงระดับโปร
เซิร์ฟสเก็ตคืออะไร มีประวัติความเป็นมาอย่างไร
เซิร์ฟสเก็ตคืออะไร ทำไมถึงฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง ยังมีหลายคนที่ยังไม่รู้จักกีฬาประเภทนี้หัวข้อนี้มีคำตอบค่ะ
Surfskate เป็นส่วนผสมระหว่างกีฬา Extreme ชนิดหนึ่งที่รู้จักกันดีในชื่อ “สเก็ตบอร์ด” กับกีฬา “เซิร์ฟบอร์ด” หรือ “กระดานโต้คลื่น” ที่เล่นกันในทะเล
สำหรับสเก็ตบอร์ดจะมีลักษณะเป็นแผ่นบอร์ดที่ทำจากไม้ด้านล่างมี 4 ล้อ เป็นกีฬาที่ต้องใช้เท้ายืนบนบอร์ดและใช้เท้าข้างที่ถนัดไถกับพื้นเพื่อให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้า ส่วนเซิร์ฟบอร์ดจะเป็นกระดานขนาดใหญ่เล่นโต้คลื่นกันในทะเล
ซึ่งจริงๆแล้วกีฬาเซิฟสเก็ตจะมีประวัติความเป็นมายาวนานประมาณ 20 กว่าปีมาแล้วพอๆกับสเก็ตบอร์ด จุดเริ่มต้นย้อนกลับไปราวๆ 20 กว่าปีก่อนที่แคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
มีนักโต้คลื่นกลุ่มหนึ่งในช่วงหมดฤดูมรสุมพวกเค้าไม่สามารถเล่นเซิร์ฟบอร์ดหรือกระดานโต้คลื่นได้ ก็เลยมีความคิดที่จะดัดแปลงตัวกระดานที่ใช้โต้คลื่นโดยออกแบบย่อส่วนให้มีขนาดเล็กลงโดยใช้ล้อในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเหมือน Skateboard
จริงๆแล้วเซิฟสเกตกับสเก็ตบอร์ดจะมีลักษณะคล้ายกันมาก จะต่างกันตรงล้อของเซิร์ฟสเก็ตจะมีขนาดใหญ่กว่า และตรงฐานล้อหรือทรัคจะสามารถหมุนได้ตามองศาและขยับไปมาได้มากกว่า จึงทำให้เลี้ยวเป็นวงแคบได้ดีกว่า
วิธีการเล่น Surfskate จะใช้ส่วนของร่างกายช่วงบนตั้งแต่ไหล่แขนหน้าท้องในการทรงตัวและบิดไปมาเพื่อให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องโดยไม่จำเป็นต้องใช้เท้าแตะพื้น
เซิร์ฟสเก็ตบอร์ดจะมีหลากหลายยี่ห้อ รุ่น สีสันลวดลาย และราคาให้เลือกสรรเริ่มต้นตั้งแต่ราคาถูกไม่เกิน 2,000 บาท ไปจนถึงหลักหมื่นบาท มีทั้งงานที่ผลิตจากประเทศจีน และแบรนด์จากทางยุโรป อเมริกา
ปัจจุบันกีฬาประเภทนี้ได้รับความนิยมทั้งชายและหญิงทุกวัยตั้งแต่เด็กไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ แม้กระทั่งผู้สูงอายุก็ยังมีเห็นมาเล่นกันบ้าง เป็นกีฬาที่สนุกเพลิดเพลินสามารถเล่นคนเดียวหรือเล่นเป็นกลุ่มก็ได้ การเล่นให้ปลอดภัยควรสวมใส่ชุดเซฟตี้ทุกครั้งในการเล่นค่ะ
นอกจากนี้ยังมีประโยชน์กับการบริหารร่างกายเกือบทุกส่วนตั้งแต่ช่วงไหล่ลงมาจนถึงขา โดยเฉพาะการช่วยลดหน้าท้องเพราะในระหว่างการเล่นต้องมีการทรงตัวและเกร็งหน้าท้องตลอดเวลา
และที่สำคัญยังถือเป็นกิจกรรมที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวและเพื่อนฝูง ได้เพื่อนใหม่ๆอีกด้วยค่ะ
เซิร์ฟสเก็ตมีกี่แบบ
ถ้าพูดถึงรูปแบบของเซิฟสเก็ตหลักๆเลยเราจะแบ่งตามรุ่นของทรัคหรือฐานล้อที่อยู่ช่วงล่างซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยซับแรงจากการเล่น ถือว่าเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ยึดกับล้อและแผ่นบอร์ด (Deck)
ซึ่งโครงสร้างของตัวทรัคจะสามารถขยับหมุนไปมาทำให้เราขับเคลื่อนบอร์ดไปข้างหน้าได้ ส่งผลต่อการปั้มการเคลื่อนไหวรวมถึงฟิลลิ่งในการเล่นเป็นอย่างมาก ดังนั้นทรัคจึงถือเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อให้ตรงกับสไตล์ที่เราต้องการจะเล่นมากที่สุดค่ะ
ถ้าพูดถึงทรัคของสเก็ตบอร์ดกับเซิฟสเกตเมื่อดูภายนอกจะมีลักษณะคล้ายกันมาก ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเลยคือทรัคหน้าของเซิร์ฟสเก็ตบอร์ดจะมีองศาในการเลี้ยวได้มากกว่า เนื่องจากการออกแบบให้มันสามารถเคลื่อนไหวได้เหมือนการเล่นกระดานโต้คลื่น
ต้องบอกว่าระบบทรัคของหลายยี่ห้อหลายแบรนด์ก็จะมีระบบและราคาที่ถูกแพงแตกต่างกันไป สำหรับทรัค Surfskate ที่เป็นที่นิยมกันในตอนนี้ก็มีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภท ดังนี้ค่ะ
1. ระบบลูกยาง (Bushing)
มีส่วนประกอบ 2 ส่วน คือ ตัวทรัค กับ ลูกยาง (บุชชิ่ง) ซึ่งตัวลูกยางจะอยู่กับทรัคหน้าและหลังข้างละ 1 คู่
- ให้ฟิลลิ่งในการเล่นที่เด้ง ตอบสนองได้ไว แต่ต้องออกแรงปั้มมากกว่าทรัคสปริงนิดนึง
- องศาการเลี้ยวน้อยกว่าทรัคสปริง แต่ทั้งนี้จะเลี้ยวได้มากหรือน้อยก็จะขึ้นอยู่กับขนาดความแข็งของลูกยางที่ติดตั้งในทรัคด้วยค่ะ
- ดูแลบำรุงรักษาได้ด้วยตนเอง โมง่าย หาอะไหล่ง่าย ไม่จุกจิก สามารถเปลี่ยนขนาดความแข็งของบุชชิ่งให้เหมาะกับน้ำหนักตัวของเราได้
- เหมาะสำหรับผู้เล่นมือใหม่เนื่องจากมีความมั่นคง ฝึกทรงตัวง่าย
2. ระบบสปริง (Spring)
มีส่วนประกอบ 2 ส่วน คือ ตัวทรัค กับ สปริง (Spring) ซึ่งตัวสปริงจะติดตั้งอยู่กับทรัคหน้า ทำหน้าที่ซับแรง
- ให้ฟิลลิ่งในการเล่นที่ลื่นไหล ตอบสนองได้ดี ใกล้เคียงกับการเล่น Surf Board โต้คลื่นจริงๆ และเนื่องจากการยืดหดของสปริงที่มันมีแรงดีดกลับ ดังนั้นจึงทำให้การปั้มหรือเลี้ยวสามารถทำได้นุ่มนวลมากๆ
- องศาการเลี้ยวแคบมาก สามารถเปลี่ยนขนาดความแข็งของสปริงตามสไตล์ความชอบของแต่ละคนได้
- การดูแลบำรุงรักษาจะมีรายละเอียดยิบย่อยมากกว่าทรัคระบบบุชชิ่งเนื่องจากโครงสร้างทรัคค่อนข้างซับซ้อนกว่า
- เหมาะสำหรับผู้เล่นมือใหม่ที่มีประสบการณ์ในการเล่นมาระดับนึงไปจนถึงผู้เล่นระดับโปร
3. ระบบอะแดปเตอร์ (Adapter)
ระบบ Adapter ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมคือยี่ห้อ "Waterborne Surf Adapter" ซึ่งใช้บุชชิ่งและลูกปืนเป็นตัวช่วยในการหมุน และอีกรุ่นที่ได้รับความนิยมคือทรัค S7 หรือ SM ที่ได้ต้นแบบมาจากแบรนด์ SmoothStar ของประเทศออสเตรเลีย
ทรัครุ่นนี้กลไกการขับเคลื่อนจะใช้สปริงและลูกปืนในการหมุน และเป็น Adapter ที่นิยมติดตั้งคู่กับทรัคสเก็ตบอร์ดหรือทรัคสตรีท ขนาด 6.25" เนื่องจากให้ประสิทธิภาพในการเล่นที่ดี
- เป็นระบบที่ช่วยให้คนที่มีสเก็ตบอร์ด ลองบอร์ด หรือครุยเซอร์บอร์ด อยู่แล้ว แต่อยากเปลี่ยนไปเล่นเซิร์ฟสเก็ต สามารถยังใช้บอร์ดและทรัคเดิม เพียงแค่ติดตั้ง Adapter เพิ่มเข้าไประหว่างแผ่นบอร์ดกับตัวทรัคเท่านั้น พูดง่ายๆคือ Adapter มันจะทำหน้าที่หมุนขยับไปมาได้เหมือนทรัค Surfskate นั่นเอง
- ให้ฟิลลิ่งในการเล่นที่ดีเกือบเท่าทรัคระบบสปริง
- องศาการเลี้ยวจะค่อนข้างแคบและดีกว่าทรัคบุชชิ่งนิดนึง แต่ก็ให้อารมณ์ลื่นไหลดี
- การดูแลบำรุงรักษาไม่ยุ่งยาก แต่ค่อนข้างหาอะไหล่ยาก ควรหาซื้ออะไหล่สำรองเอาไว้เปลี่ยนในกรณีเกิดความเสียหาย เช่น ลูกปืนทรัค บุชชิ่ง
- เหมาะสำหรับผู้เล่นมือใหม่ไปจนถึงมือโปร หรือผู้ที่มี Skateboard Longboard หรือ Cruiser Board อยู่แล้วแต่ไม่อยากทิ้งของเดิม
หลักการเลือกซื้อ Surfskate ให้เหมาะกับตนเอง
สำหรับมือใหม่หลายคนที่ยังสับสนไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อเซิร์ฟสเก็ตแบบไหนยี่ห้ออะไรดี หัวข้อนี้เราจะมาแนะนำหลักการในการเลือกซื้อโดยพิจารณาจาก 3 ปัจจัย ดังนี้ค่ะ
1. งบประมาณ
โดยทั่วไปเซิร์ฟสเก็ตบอร์ดจะมีหลายช่วงราคาตั้งแต่ราคาถูกกว่า 2,000 บาท ไปจนถึงหลักหมื่น ดังนั้นอันดับแรกเราต้องดูเงินในกระเป๋าเราก่อนว่ามีเท่าไหร่ บางคนอยากออกกำลังกาย วัตถุประสงค์ในการเล่นคืออะไร ไลฟ์สไตล์หรือการเล่น เช่นมีเวลาเล่นมากน้อยแค่ไหน
ดังนั้นความคุ้มค่าต่อราคาที่แต่ละคนซื้อมาอาจจะไม่เท่ากัน เพื่อง่ายต่อการตัดสินใจจึงขอกำหนดช่วงราคาคร่าวๆเป็น 3 ช่วงดังนี้
- ระดับเริ่มต้น 2,000 - 5,000 บาท
-ได้แก่แบรนด์ Geele, Gallop Soul (GS), RARE ANT, MYS, SWAY, DECATHLON, Boils Dragon, NOMOREWALK แบรนด์เหล่านี้จะผลิตบอร์ดรุ่นเริ่มต้นในราคาประหยัด ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ที่ผลิตในประเทศจีน- การซื้อบอร์ดในช่วงราคานี้อาจต้องมีการโมหรือปรับแต่งอีกนิดหน่อยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นให้ดีขึ้น เช่น การเพิ่มแผ่นรองทรัค เปลี่ยนบุชชิ่ง
- ข้อดีของบอร์ดราคาประหยัดคือสามารถใช้ฝึกซ้อมเล่นได้อย่างมั่นใจไม่ต้องกลัวบอร์ดเป็นรอย
- สามารถหาซื้ออะไหล่มาแต่งในสไตล์ที่เราชอบ บางคนสามารถปรับแต่งไปจนมีฟิลลิ่งที่สู้บอร์ดราคาสูงๆได้เลย
- ระดับปานกลาง 5,000 - 10,000 บาท
- ได้แก่แบรนด์ EYS, Slide, Sixty-six, Aztron, Penny, QUIKSILVER, LANDYACHTZ, GLOBE, Hamboards ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ที่ผลิตจากทางยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย และสเปน - ระดับสูง 10,000 บาท ขึ้นไป
- ได้แก่แบรนด์ Carver, Yow, Smoothstar, Swelltech, Sunova, Hamboards ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ที่ผลิตจากทางยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย และสเปน
2. ระบบทรัค (Truck)
โดยทั่วไปเซิร์ฟสเก็ตแต่ละแบรนด์จะผลิตทรัคออกมากันหลากหลายรุ่น แต่หลักๆเราสามารถแบ่งประเภทของทรัคแต่ละรุ่นตามลักษณะกลไกที่ใช้ขับเคลื่อนดังนี้
- ระบบลูกยาง (Bushing) ทรัครุ่นนี้จะใช้ลูกยางหรือบุชชิ่งเป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อน ต้องออกแรงปั้มมากกว่าทรัคสปริง ให้ฟิลลิ่งการเล่นที่เด้ง องศาการเลี้ยวจะน้อยกว่าทรัคสปริงและระบบ Adapter การดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก หาซื้ออะไหล่ง่าย
ตัวลูกยาง (บุชชิ่ง) มีระดับความแข็งให้เลือกซื้อตามน้ำหนักตัวและสไตล์การเล่นของผู้เล่น ตั้งแต่ความแข็ง 75A - 95A (ตัวเลขสูงยิ่งแข็งมาก) การเปลี่ยนบุชชิ่งจะมีผลต่อองศาการเลี้ยวและแรงที่ใช้ปั้ม
ทรัครุ่นนี้เหมาะมากสำหรับผู้เล่นมือใหม่เนื่องจากช่วงล่างมีความมั่นคง ทำให้ฝึกทรงตัวง่าย ทรัคบุชชิ่งราคาประหยัดจากประเทศจีนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตอนนี้คือ CX4 ซึ่งจริงๆแล้วเป็นทรัคที่ได้ต้นแบบมาจากทรัคตระกูล CX และ C7 ของแบรนด์ Carver ประเทศสหรัฐอเมริกานั่นเอง
นอกจากนี้ยังเป็นทรัคที่ได้รับความนิยมนำไปเล่นในสนามปั๊มแทร็ก (Pump Track) เนื่องจากหน้าไม่ไวมาก สามารถควบคุมบอร์ดได้ง่าย - ระบบสปริง (Spring) ทรัครุ่นนี้จะใช้สปริงเป็นตัวช่วยซับแรงและขับเคลื่อน ให้ฟิลลิ่งในการเล่นที่ลื่นไหลและหน้าไว วงเลี้ยวแคบมาก ตอบสนองได้ไว จัดว่าเป็นทรัคที่ให้การเล่นใกล้เคียงซิร์ฟบอร์ดมากที่สุด
การดูแลรักษาด้วยตนเองสามารถทำได้แต่ต้องศึกษารายละเอียดโครงสร้างทรัคให้เข้าใจ เนื่องจากชิ้นส่วนภายในค่อนข้างซับซ้อนกว่าทรัคบุชชิ่ง อะไหล่หาซื้อง่าย ตัวสปริงจะมีระดับความแข็งให้เลือกซื้อตามน้ำหนักตัวและสไตล์การเล่น
ระดับความแข็งของสปริงโดยส่วนใหญ่จะกำหนดไว้ 3 ระดับ S/M/L (ความแข็งจากน้อยไปมาก) การเปลี่ยนสปริงจะส่งผลต่อแรงที่ใช้ปั้มและฟิลลิ่งการตอบสนองในการเล่น
ทรัคระบบสปริงจะเหมาะสำหรับผู้เล่นมือใหม่ที่พอมีประสบการณ์ในการเล่นและฝึกทรงตัวมาบ้างไปจนถึงระดับโปร ทรัคระบบสปริงที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันคือ CX7, Slide สำหรับทรัค S7 หรือ SM Adapter ก็สามารถจัดให้อยู่ในกลุ่มทรัคสปริงได้เช่นกันเนื่องจากกลไกภายในใช้สปริงเป็นตัวซับแรง - ระบบอะแดปเตอร์ (Adapter) ต้องบอกก่อนว่าอะแดปเตอร์ถูกสร้างมาเพื่อวัตถุประสงค์หลักคือต้องการทำให้สเก็ตบอร์ด ลองบอร์ด ครุยเซอร์บอร์ด สามารถเปลี่ยนไปเล่นในสไตล์แบบเซิร์ฟสเก็ตได้
เราจะติดตั้งตัว Adapter ยึดติดระหว่างตัวบอร์ดกับทรัคเดิม พูดง่ายๆคือเจ้าตัวอะแดปเตอร์นี้มันสามารถหมุนตัวไปมาได้เช่นเดียวกับทรัค Surfskate ทั่วๆไปนั่นเองค่ะ
สำหรับ Adapter ยี่ห้อที่ได้รับความนิยมก็คือ Waterborne Surf Adapter ระบบนี้จะใช้บุชชิ่งทรงสี่เหลี่ยมเป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อน ให้ฟิลลิ่งการเล่นที่ลื่นไหลพอๆกับทรัคสปริงเลยค่ะ วงเลี้ยวแคบ ตอบสนองได้ค่อนข้างไว
การดูแลรักษาง่าย แต่หาซื้ออะไหล่ค่อนข้างยาก เหมาะสำหรับผู้เล่นมือใหม่ หรือ ผู้ที่มีสเก็ตบอร์ดเดิม ไปจนถึงระดับโปร สำหรับแบรนด์ที่นำ Waterbrone ไปใช้ก็คือ Panny, Z-flex ค่ะนอกจาก Waterbrone แล้วก็จะมีทรัคระบบอะแดปเตอร์อีกรุ่นนึงที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน และแบรนด์ต่างๆนำไปติดตั้งกันอย่างแพร่หลาย นั่นก็คือทรัค SM หรือ S7
ซึ่งจริงๆแล้วทรัครุ่นนี้มีต้นแบบมาจากแบรนด์ Smoothstar ของประเทศออสเตรเลีย ปัจจุบันหลายแบรนด์จากประเทศจีนนำทรัครุ่นนี้ไปใช้ ได้แก่ Geele, Gallop Soul (GS), RARE ANT, SWAY ฯลฯ
ทรัค SM หรือ S7 เป็นทรัคระบบ Adapter ที่ใช้สปริงเป็นตัวซับแรงดังนั้นจึงให้ฟิลลิ่งที่ลื่นไหลมาก หน้าไว วงเลี้ยวแคบ หลักการทำงานก็คล้ายกันกับ Waterbrone คือจะติดตั้งอะแดปเตอร์ระหว่างบอร์ดและทรัค
การดูแลรักษาทรัค SM หรือ S7 จะค่อนข้างซับซ้อนพอๆกับทรัคสปริง ถ้าจะซ่อมบำรุงเองอาจต้องทำความเข้าใจพอสมควร สำหรับการโมปรับแต่งสามารถเปลี่ยนระดับความแข็งของสปริงได้เช่นกันค่ะ
3. ขนาดและรูปแบบแผ่น
แผ่นบอร์ด (Deck) ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญอีกข้อในการตัดสินใจซื้อ เนื่องจากผู้เล่นแต่ละคนจะมีสรีระร่างกายและสไตล์ความชอบที่ต่างกัน อีกทั้งความชอบในเรื่องของสีสันลวดลายก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับหลายคน ซึ่งเราขอสรุปหลักเกณฑ์ในการเลือกแผ่นง่ายๆ 3 ข้อ ดังนี้
- ระยะห่างระหว่างล้อหน้าและหลัง (Wheelbase)
ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้เราเลือกแผ่นให้เหมาะสมกับช่วงขาของเรา ส่งผลต่อการเล่นในอนาคตของเราได้อย่างดีเลยทีเดียว การเลือกแผ่นให้เหมาะสมกับช่วงขาของเรามีขั้นตอนการวัดดังนี้
ขั้นตอนที่ 1. กางขาออก ให้ตรงพอดีกับช่วงไหล่ของเรา (ดูภาพประกอบ)
ขั้นตอนที่ 2. ให้เอาตลับเมตรมาวัดระยะห่างของช่วงเท้าโดยวัดจากขอบเท้าด้านในทั้งสองข้าง (ดูภาพประกอบ) เราก็จะได้ระยะห่างหรือ Wheelbase ของเรานั่นเอง
ขั้นตอนที่ 3. นำค่าตัวเลขที่วัดได้จากขั้นตอนที่ 2 ไปเป็นข้อมูลในการเลือกซื้อโดยวิธีการวัด Wheelbase บนแผ่นนั้นเราจะวัดจากน็อตแถวในของทรัคหน้า/หลัง (ดูภาพประกอบ)
นอกจากนี้เรายังสามารถหา Wheelbase ที่เหมาะสมกับส่วนสูงของเราได้ตามตารางนี้ค่ะ
อ้างอิงจาก : carvingsocialclub.com - ขนาดความยาวของแผ่น (Deck Length)
การวัดความยาวของแผ่นเราจะวัดจากหัวแผ่น (Nose) ไปถึงหางแผ่น (Tail) แน่นอนค่ะเวลาเราจะเลือกซื้อแต่ละยี่ห้อแต่ละแบรนด์จะมีแผ่นให้เลือกหลากหลายขนาดมาก ทำให้เราสับสนไม่รู้จะเลือกขนาดความยาวแผ่นเท่าไหร่ดีถึงจะเหมาะกับตัวเองมากที่สุด เพื่อให้ง่ายต่อการเลือกซื้อเราสามารถเทียบส่วนสูง น้ำหนัก กับความยาวแผ่นที่เหมาะสมได้ตามตารางนี้ค่ะ -
อ้างอิงจาก : carvingsocialclub.com
ต้องบอกว่าความยาวแผ่นเป็นสิ่งสำคัญแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนด้วยค่ะ บางคนอาจจะชอบแผ่นเล็กเพราะคล่องตัวกว่า หรือบางคนอาจจะชอบแผ่นใหญ่เพราะให้ความรู้สึกมั่นคง
อันนี้ก็สามารถเลือกซื้อตามที่เราต้องการโดยไม่จำเป็นต้องดูตามตารางเป๊ะก็ได้ค่ะ อย่างเช่นคนสูง 190-200 ซม. หรือ 200 ซม. ขึ้นไป ตามตารางความยาวแผ่นที่แนะนำคือ 36” - 38” หรือ 38” - 40”
ซึ่งในความเป็นจริงจะหาซื้อแผ่นขนาดที่ว่านี้ได้ค่อนข้างยาก ดังนั้นอาจไม่จำเป็นต้องเลือกซื้อให้ได้ขนาดเป๊ะก็ได้ค่ะ ที่สำคัญเลยเราควรดู Wheelbase เป็นหลักซึ่งจะทำให้เราเลือกแผ่นได้เหมาะกับช่วงขามากกว่าค่ะ
จริงๆแล้วแผ่นที่มีขนาดความยาวมากๆ Wheelbase อาจจะสั้นก็ได้ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นเสมอไปว่าแผ่นที่มีความยาวมาก Wheelbase จะยาวมาก ขึ้นอยู่กับการออกแบบของแต่ละรุ่นและยี่ห้อค่ะ
สรุปง่ายๆคือควรเลือกจาก Wheelbase เป็นหลักก่อน ส่วนขนาดแผ่นให้เลือกตามความชอบว่าอยากเล่นแผ่นใหญ่หรือแผ่นเล็กค่ะ
- รูปทรงและความเว้าของแผ่น (Shape & Concave)
รูปทรงแผ่น (Shape) :
แน่นอนว่าแต่ละแบรนด์จะออกแบบรูปทรงของแผ่นออกมาหลากหลายแบบแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าเราจะชอบรูปทรงแบบไหน ซึ่งส่วนใหญ่รูปทรงแผ่นที่เราเห็นกันหลักๆจะมี 2 รูปแบบนี้ค่ะ
ทรงคลาสสิค (Classic) : หัวและหางแผ่นจะมีลักษณะเรียว
ทรงหางปลา (Fish Tail) : หัวแผ่นอาจจะมีลักษณะเรียวหรือกลม แต่ส่วนหางจะเป็นรูปหางปลาต้องบอกว่ารูปทรงของแผ่นจะมีผลต่อฟิลลิ่งในการเล่นถึงแม้จะใช้ทรัคระบบเดียวกัน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของแต่ละคนด้วยค่ะ
ความเว้าของแผ่น (Concave) :
หมายถึงส่วนหน้าแผ่นที่เราใช้เท้ายืน ตรงจุดนี้แต่ละแบรนด์มีการออกแบบให้มีความเว้ามากน้อยแตกต่างกันไป บางแผ่นมีลักษณะเรียบไม่มีความเว้าเลย บางแผ่นมีลักษณะเว้ามาก ปานกลาง หรือน้อย ซึ่งความเว้าของแผ่นจะส่งผลดังนี้1. แผ่นที่ไม่มีความเว้า (เรียบ)
- ช่วยให้การยืนมีความมั่นคงและเสถียรภาพมากขึ้น มีโอกาสพลิกคว่ำยากกว่าแผ่นที่มีความเว้าสูง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคนด้วยค่ะ2. แผ่นเว้า
- จะมีการออกแบบให้โค้งเว้าเด่นชัดมาก ทำให้มีความคล่องตัวในการเล่น เหมาะสำหรับเล่น trick ต่างๆได้ดี เช่น สแนป (Snap), Bottom Turn ข้อดีคือทำให้เท้ายึดเกาะแผ่นได้ดียิ่งขึ้น แต่ก็มีโอกาสพลิกคว่ำได้ง่ายกว่าแผ่นเรียบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกับความชำนาญของแต่ละคน
สรุป
หลักง่ายๆในการเลือกซื้อเซิร์ฟสเก็ตบอร์ดให้เหมาะสมกับตนเอง ได้ทั้งความคุ้มค่าและราคาที่ถูกใจนั้น เราควรพิจารณาปัจจัยสำคัญ 3 ข้อ คือ งบประมาณ ระบบทรัค ขนาดและรูปแบบแผ่น
โดยให้เน้นขนาด Wheelbase เป็นพิเศษเนื่องจากเป็นจุดที่ส่งผลต่อการเล่นโดยตรง นอกเหนือจากนี้ไม่จำเป็นต้องยึดตามหลักเป๊ะทุกข้อ เพราะจริงๆแล้วมันอยู่ที่ฟิลลิ่งและสไตล์การเล่นของแต่ละคนด้วย
หลายคนที่พอมีงบประมาณจะมี Surfskate มากกว่าหนึ่งตัวเนื่องจากสามารถเล่นได้หลากหลายสไตล์ บางวันอยากเล่นบนพื้นถนนหรือลานสเก็ตก็อาจใช้ทรัค S7 หรือ Adapter บางวันไปลงปั๊มแทร็ก (Pump Track) ก็ไปใช้อีกตัวที่เป็นทรัค CX4 ผู้เล่นต่างคนก็ต่างสไตล์ ความชอบไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่มีสูตรสำเร็จที่แน่นอน การได้ลองเล่นจริงจะบอกความรู้สึกได้ดีที่สุด